Message from the chairman

กลุ่มบริษัท พี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือ ที่สำคัญในปี 2565 โดยปรับลักษณะของบริษัทในเครือให้เข้ากับลักษณะธุรกิจที่ดำเนินการเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานและความสะดวกในการร่วมลงทุนของแต่ละธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป ทั้งยังรวมถึงเพื่อความรวดเร็วในการตอบสนองให้เป็นไปตามบริบทของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ภายหลังจากสถานการณ์ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)

บริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความยั่งยืนของแต่ละธุรกิจในการนำเทคโนโลยีด้านดิจิตอลมาควบคุมประสิทธิภาพการทำงาน โดยการทบทวนและวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำช้อนให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติที่มากขึ้นสำหรับคลังสินค้าและการขนส่งเพื่อลดความผิดพลาดและลดขั้นตอนการทำงาน รวมถึงเชื่อมต่อระบบดังกล่าวกับช่องทางคำสั่งซื้อขายทั้งของคู่ค้าและผู้บริโภคในช่องทางตลาดซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Market Place)และช่องทางขายออนไลน์ของบริษัท ทำให้เกิดความคล่องตัวทั้งด้านการบริหารงานขาย และตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้ดี นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทได้มีการใช้งบประมาณในการเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคในส่วนตราสินค้าของธุรกิจข้าว และได้มีการวิจัยทางการตลาดต่อกลุ่มผู้บริโภค (Market research) ในจำนวนที่เป็นไปตามสถิติในการเป็นตัวแทนของผู้บริโภคที่น่าเชื่อถือ โดยบริษัทวิจัยการตลาด ที่ได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ผลปรากฎว่าตราสินค้าของข้าวมาบุญครองยังเป็นอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภค

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ได้อย่างต่อเนื่องตามนโยบาย แต่ในปี ที่ผ่านมานี้ยังคงมีผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในทุกธุรกิจ ที่ดำเนินการ ทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในภาพรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564 ดังนี้

รายได้จากการดำเนินงาน 2,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 284 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46 ส่วนฐานะการเงินของกลุ่มบริษัท พี อาร์ จีฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีสินทรัพย์รวม 11,378 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 2,702 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 8,676 ล้านบาท

ธุรกิจข้าวและผลิตภัณฑ์อาหาร ได้มีการปรับกลยุทธ์ด้านชนิดสินค้าเป็น 3 รูปแบบ คือข้าวสุขภาพ ข้าวอร่อย และข้าวอิ่ม เพื่อให้ตรงและสอดคล้องกับการบริโภค และแยกกลยุทธ์ที่ชัดเจนในข้าวแต่ละรูปแบบ เพื่อให้เข้าถึงในแต่ละกลุ่มผู้บริโภค และผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์สินค้าในคุณภาพที่ตรงตามความต้องการ ในส่วนช่องทางขาย บริษัทฯ จะเน้นให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากขึ้นในทุกช่องทางสำหรับปี 2566 นี้ โดยการเพิ่มผู้แทนจำหน่ายสินค้าหลักในช่องทางค้าส่ง ทุกจังหวัด และด้านออนไลน์ ทั้งของช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ ของแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส และช่องทางตรงของบริษัทฯ โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นหลัก

ในปีที่ผ่านมาการบริโภคข้าวของคนไทยได้ลดลงและมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อจากกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้ช่องทางขายในประเทศช่องทางค้าส่งและช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ปรับตัวลดลง บริษัทฯ ได้มีการแก้ไขโดยเน้นไปทางช่องทาง HORECA ซึ่งเป็นช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจรับจัดเลี้ยง ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีโดยมีการขยายตัวในช่องทางดังกล่าว ทั้งในด้านยอดขายและผลกำไร รวมถึงยังได้เน้นไปทางช่องทางขายส่งออกซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีเช่นเดียวกันในปีที่ผ่านมา และข้าวมาบุญครองยังคงเป็นผู้นำตลาดสำหรับข้าวเพื่อสุขภาพ รวมถึงได้รับรางวัลคุณภาพข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพดีพิเศษ โดยได้รับเครื่องหมายสัญลักษณ์พนมมือติดดาว จากกระทรวงพาณิชย์เป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน

ธุรกิจศูนย์อาหาร หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และได้มีการประกาศ ให้เชื้อดังกล่าวเป็นโรคท้องถิ่น ทำให้ธุรกิจศูนย์อาหารของบริษัทฯ มีการปรับตัวที่ดีขึ้นในไตรมาส 4 แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่รุนแรงกว่าปี 2564 เพราะกำลังซื้อที่ลดลงและผู้ประกอบการร้านอาหารยังไม่ต้องการที่จะเปิดร้านเนื่องจากจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์อาหารไม่เพียงพอกับต้นทุนในการเปิดร้าน

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้มองถึงความเป็นไปได้ที่การท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2566 บริษัทฯ จึงได้มีการ เปิดศูนย์อาหาร “ฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค” เพิ่มอีก 1 สาขา ที่ โครงการสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และ บริษัทในเครือสยามพิวรรธณ์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และผลกำไรในอนาคตให้แก่ธุรกิจศูนย์อาหาร และได้มีปรับปรุงทัศนียภาพและการตกแต่งของสาขาที่ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เพื่อเพิ่มความสะดวก และความสวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น และถึงแม้ว่าโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะได้ถูกประกาศให้เป็นโรคท้องถิ่น แต่ศูนย์อาหาร ฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค ทุกสาขา คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการตลอดเวลา โดยยังคงมีการทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ และบุคลากร เพื่อฆ่าเชื้อโรคทุกครึ่งชั่วโมง มีการจัดเว้นระยะห่างตามมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงยังคงตรวจตราร้านค้าผู้ประกอบอาหารจำหน่ายในศูนย์อาหาร ให้มีความปลอดภัยเช่นเดียวกันเพื่อให้ลูกค้าที่มามีความมั่นใจเมื่อเข้ามาใช้บริการ

ธุรกิจพัฒนาทรัพย์สิน ดำเนินธุรกิจ โดยบริษัท พี อาร์ จี พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ปัจจุบันได้เปิดบริษัท ริเวอร์เดล มารีน่า จำกัด ในการบริหารงานของการเป็นท่าเรือยอร์ชริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับ เอ-คลาส ครบวงจรซึ่งประกอบด้วย ท่าเรือริเวอร์ยอร์ช พื้นที่ให้เช่าเก็บเรือ โชว์รูมเรือ ศูนย์ซ่อมบำรุงเรือ และศูนย์รวมสินค้าอุปกรณ์และบริการเกี่ยวกับเรือ ปั๊มน้ำมัน ริมแม่น้ำ โดยได้เปิดให้บริการแล้วในปี 2565 ส่วนการให้เช่าพื้นที่เพื่อเป็นการจัดงานต่างๆ ในลานแสดงกิจกรรม ริมแม่น้ำ ขนาดใหญ่ และการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ ในพื้นที่ยังคงดำเนินการภายใต้บริษัท พี อาร์ จี พร็อพเพอรตี้ส์ จำกัด

ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการบริษัทได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้กลุ่มบริษัท พี อาร์ จีฯ มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และรับผิดชอบต่อสังคมรวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยในปี 2565 ได้รับการประเมินผลการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในระดับ “ดีเลิศ (Excellent) หรือ 5 ดาว” ติดต่อกัน 6 ปี ซ้อนตั้งแต่ปี 2560 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการต่ออายุสมาชิกของแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption หรือ CAC)

ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในการนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ถึงแม้ว่าผลประกอบการในปี 2565 ของกลุ่มบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ต่างๆ แต่ด้วยกระบวนการพัฒนาบุคลากรควบคู่กับการพัฒนาองค์กร และให้ความสำคัญต่อทุกภาคส่วน เพื่อให้คนทำงานมีความสุข ที่ทำงานน่าอยู่ ชุมชนสมานฉันท์ และมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลเกียรติยศ วิสาหกิจต้นแบบ ระดับแพลทินัม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และโล่เกียรติคุณระดับยอดเยี่ยม สถานประกอบการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมปี 2565 โดยกรมอนามัย ซึ่งคณะกรรมการ และผู้บริหาร มีความมั่นใจว่าจะสามารถนำพาบริษัทในกลุ่มบริษัท พี อาร์ จีฯ ฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยดี และยังคงความมั่นคงต่อไปในระยะยาว

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ คณะผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกท่านที่มีส่วนสนับสนุน และสร้างความสำเร็จด้วยดีตลอดมา และขอให้เชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างความเติบโต มั่งคั่งและผลตอบแทนของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์
ประธานกรรมการ
นายปกิต เอี่ยมโอภาส
ประธานกรรมการบริหาร
นายสมเกียรติ มรรคยาธร
กรรมการผู้จัดการใหญ่